25 มีนาคม 2565 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Woody Exclusive ซึ่งสัมภาษณ์โดย วู้ดดี้-นายวุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดัง ผ่านทางยูทูป ซึ่งมีความยาวประมาณ 20 นาที ตอนหนึ่งว่า ในช่วงแรกน.ส.แพทองธาร พูดถึงการเติบโตมาในครอบครัวชินวัตร สิ่งที่ได้เรียนรู้จากคุณพ่อ ส่วนข่าวเชิงลบเรื่องเอนทรานซ์ในอดีต แรก ๆ รู้สึกจิตใจพัง แต่เรื่องนี้มันก็เก่ามากแล้ว เราผ่านกระบวนการของการสอบสัมภาษณ์ทุกอย่าง เขาสืบสวน สอบสวนหมดแล้ว เราก็เข้าเรียนได้ปกติ แล้วก็จบมา 4 ปี ตามปกติ
เมื่อให้เล่าย้อนอดีตไปถึงความรู้สึกกับการเมืองช่วงแรก ๆ น.ส.แพทองธาร ได้อธิบายด้วยท่าทางอารมณ์ดี พร้อมระบุว่า อยากเป็นลูกรักพ่อ เป็นลูกสาวคนเล็ก อะไรที่พ่อทำเราก็ต้องชอบหมด เหมือนเป็นการเอาใจนิดนึง การเมืองคือสิ่งที่พ่อทำ มันก็เลยทำให้เราอยากรู้ อยากเข้าใจ อยากที่จะเหมือนอยู่เคียงข้างพ่อไปตลอด นึกขึ้นมาเหมือนเราจะไม่ชอบการเมือง มันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น สิ่งที่พ่อสอนตลอดคือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต พูดเสมอว่า เราอย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว
เมื่อถามถึงเรื่อง Passion ในวันนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตั้งแต่มีลูก อยากทำให้ประเทศน่าอยู่สำหรับลูกเรา อีกหน่อยลูกเราจะมีเวทีหรือไม่ หากอยากจะแสดงศักยภาพเขาขึ้นมา
เมื่อถามว่า อยากให้อะไรเกิดขึ้นเร็วที่สุด สำหรับประเทศชาติบ้านเรา น.ส.แพทองธาร ตอบทันทีว่า อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล คิดว่ารู้สึกว่า มันนานล่ะที่มันเป็นอยู่แบบนี้ คิดว่าประเทศมันต้องไปต่อ มันต้องไปต่อ ตอนนี้มันถอยหลังอย่างเดียว จากการที่คุณพ่อออกไป ประเทศหรือเศรษฐกิจทุกอย่าง ก็ยังไม่เคยดีเท่าวันนั้น
เมื่อถามถึงวันที่ไม่อาจใช้ชีวิตบนแผ่นดินเดียวกับพ่อความรู้สึกเป็นอย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นวันที่น่ากลัวมาก ๆ สำหรับครอบครัวเรา วันนั้นเป็นวันใกล้สอบ ไปถึงคอนโดมิเนียมของเพื่อน กำลังจะพูดคุย หยิบหนังสือมาอ่าน แม่ก็โทรมา กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ ออกมาเลย มีรถถังออกมา ในใจคืองง ไปหมดเลย รถถังคืออะไร เราต้องไปไหน กำลังจะขับรถกลับบ้าน แม่ก็โทรมาอีก กลับบ้านไม่ได้ ทหารปิดซอยหมดแล้ว เลยขับไปที่ Safe House ก็อยู่กับคุณแม่สองคน พี่ชายอยู่คนละที่ พี่สาวกำลังเรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ คุณพ่ออยู่สหรัฐอเมริกา อิ๊งไปเจอคุณแม่ก่อน ก็กลัว เป็นความกลัวมาก ๆ ตอนนั้นยังอยู่ในชุดมหาวิทยาลัย แล้วก็โทรคุยกับ พี่เอม ก็ร้องไห้ ถามว่าทุกคนโอเคหรือไม่ เราไม่แน่ใจว่า จะมีอะไรมาถึงตัวเราหรือไม่ มันกลัวมากกว่า
การสัมภาษณ์ดำเนินมาถึงตรงนี้ น.ส.แพทองธาร เหมือนกำลังจะร้องไห้ จากนั้น น.ส.แพทองธาร เล่าต่อไปอีกว่า สิ่งที่น่ากลัวคือ เป็นห่วงคนในครอบครัว พี่เอมก็โทรมา ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะอยู่คนเดียว อยู่กับพ่อก็หนักหนา เพราะโดนปฏิวัติที่ไม่รู้ตัวมาก่อน ปฏิวัติโดยที่ไม่รู้ล่วงหน้า พี่เอมก็เครียดเพราะอยู่กับพ่อสองคน ไม่รู้ว่าจะต้องคุยอะไร พูดอะไร บอกว่าไม่เป็นอะไรนะ ก็ไม่ใช่ มันไม่ใช่เรื่องที่จะ get well soon (จะจบลงเร็ว ๆ นี้) มันเป็นอะไรอีกเลเวลหนึ่ง ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว ไม่เชื่อว่าพูดแล้วก็ยังรู้สึก
เมื่อถามว่า รู้แล้วจะไม่ได้เจอหน้าพ่อง่าย ๆ แล้วทำใจอย่างไร ปรับจูนอย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ดีใจที่มีเครื่องบินพาณิชย์ทั่วไป ดีใจมาก ที่เรายังสามารถบินไปเจอกันได้ คุยกับคุณแม่แรก ๆ ยังพูดตลอดเวลา ดีนะยังได้ยินเสียงกัน
เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บอกว่า ถ้าอยากจะรู้กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ ให้ถามอิ๊ง เพราะว่าได้กระซิบบอกลูกสาวเรียบร้อยแล้ว น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คุณพ่อบอก ห้ามบอกพี่วู้ดดี้ พ่อบอกว่าจะออกรายการพี่วู้ดดี้เหรอ ชู่วส์ เงียบไว้ก่อน
“เมื่อถึงเวลาทุกคนจะรู้ค่ะ ส่วนจะรู้จากตัวเองหรือพ่อ เอาไว้ว่ากันอีกที เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์ แต่ก็รอคอยวันนั้น รอคอย เชื่อว่าทุกคนในครอบครัวรอคอย สิ่งที่พูดกัน ไม่ได้พูดถึงรูปแบบของการกลับมามากมาย จะพูดกันในเรื่องแบบว่า กลับมาแล้วอยากทำอะไร บอกคุณพ่อว่า กลับมาแล้วจะให้อยู่บ้าน เลี้ยงหลาน ไม่ต้องทำงานเยอะแล้ว”
เมื่อถามว่า ถ้าพ่อได้มีโอกาสกลับมาคิดว่าในวันนี้พ่ออยากจะทำอะไรให้กับประเทศชาติ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ที่คุณพ่อพูดเสมอคือ อยากจะฟื้นฟูเศรษฐกิจก่อน เพราะเขาพูดเสมอ ปากท้องคนไทยตอนนี้ลำบากมาก เป็นเรื่องที่เขากังวลมาก
เมื่อถามว่า คิดว่าจะมีโอกาสสามารถทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเพื่อไทย ทำงานในสภาฯอยู่แล้ว ถ้าถามส่วนตัวนะ ก็เปลี่ยนไหมอ่ะ มันก็นานแล้วเหมือนกันน่ะ ถ้าอ่านอะไรในโซเชียลบ้างมันก็จะเห็น คนเขาลำบากจริง แล้วเขาก็อยากได้การเปลี่ยนแปลงจริง ๆ อิ๊งว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่มันต้องเปลี่ยน
เมื่อถามว่า ขอให้พูดถึงตำแหน่งในพรรค น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นประธานคณะทำงานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่า อนาคตมีโอกาสจะรับตำแหน่งอื่นอีกหรือไม่ เช่น นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย “ว้าว นายกฯเลยใช่ไหมค่ะ (หัวเราะ) ต้องแล้วแต่คนในพรรคจะเมตตาเราว่าแค่ไหน จะต้องออกมาข้างนอกว่า ประชาชนคิดอย่างไรมากกว่า”
เมื่อถามย้ำอีกว่า อยากเป็นไหม น.ส.แพทองธาร นิ่งคิดชั่วครู่ พร้อมย้อนถามมาว่า “นายกฯ เหรอค่ะ วันนี้ใช่ไหมค่ะ ยังไม่อยากค่ะ (หัวเราะ) แต่ก็รู้สึกว่า ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง อิ๊งว่า ถ้าเวลามันถึง มันใช่ ไม่รู้ความคิดจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ ณ วันนี้ ที่พูดกับพี่วู้ดดี้อยู่ ยังไม่ได้อยากเป็นนายกฯ เราอยากจะเก่งกว่านี้ก่อน อยากจะมีประสบการณ์มากกว่านี้สักหน่อย”.