18 มีนาคม 2565 จากกรณีที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตส.ส.กทม. และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกล่าวขอบคุณและขอกราบลาพรรคประชาธิปัตย์ หลังเป็นสมาชิกมานาน 10 ปี ได้แจ้งเกิดจากบ้านหลังนี้ ต่อมานายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.คณะกรรมการประสานงานองค์กรเครือข่ายภายนอกพรรค และคณะกรรมการกิจการสาขาตัวแทนจังหวัดและสมาชิกพรรค พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวช่วงหนึ่งถึงการลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หลายคนว่า “ขณะนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดีและสดใสของพรรค ในยุคกัปตันจุรินทร์ ซึ่งเป็นยุคเลือดแท้จริง ๆ ผสมกับเลือดใหม่ และเลือดเก่าที่หลั่งไหลกลับบ้านเกิด จึงเป็นการเริ่มต้นยุคที่จะนำไปสู่ความมั่นคง และยั่งยืนในการสร้างรากฐานของสถาบันทางการเมืองของชาติ นอกจากนี้ยังเป็นการทำให้เห็นความชัดเจนของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี โดยมาอาศัยพื้นที่ของพรรคเพื่อสร้างพื้นที่ทางการเมืองด้วยเหตุผลส่วนตัว”

ล่าสุด นายเอกนัฏ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชี้แจงกรณีข้างต้นว่า ทุกคนเกิดมาเท่าเทียม และมีเลือดสีเดียวกัน ดังนั้นการใช้วาทกรรมเลือดแท้ เลือดเทียม แบ่งแยกชนชั้นคนเหมาะสมหรือไม่ในยุคนี้

โดยมีรายละเอียดความว่า

“ไม่ใช่เลือดแท้ ทุกคนเกิดมาเท่าเทียม มีเลือดสีเดียวกัน มุ่งมั่นทำงานให้พรรคกันเต็มที่แหละครับ ถ้าหากได้รับโอกาสที่เท่าเทียม ความสำเร็จสร้างด้วยความสามารถ ความเพียรพยายาม ความมุมานะ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ลองทบทวนสิ่งที่พูดออกมาดี ๆ นะครับ การใช้วาทกรรมเลือด “แท้” หรือ “เทียม” แบ่งแยกชนชั้นคนนั้น เหมาะสมหรือไม่ใน “ยุค” นี้”